Whos got you singing again lyrics

นับตั้งแต่เพลงเดบิวต์อย่าง Cheapest Flight เปิดตัวไปในปี 2015 ชื่อของ PREP วงดนตรีบริติชซาวนด์เท่ชวนเคลิบเคลิ้ม ฟังสบาย ที่ผสานจังหวะอาร์แอนด์บี, ฟังก์ และแจ๊ซเข้าด้วยกันจนกลายเป็นดนตรีสไตล์โมเดิร์นโซลและพ็อพรื่นหูอย่างมีคลาส รวมไปถึงเสียงร้องแสนหวานอันเป็นเอกลักษณ์ ก็กลายเป็นที่พูดถึงทันที โดยเฉพาะฝั่งเอเชียและประเทศไทย ที่งานเฟสติวัลไหนๆ ก็อยากได้ตัวพวกเขามาเป็นหนึ่งในไลน์อัพศิลปิน จนกลายเป็นวงจากฝั่งเกาะอังกฤษที่แฟนเพลงทั่วโลกรอคอยผลงานใหม่ทุกครั้งไปเรียบร้อยแล้ว

     ไม่น่าแปลกใจที่ PREP จะได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงอย่างรวดเร็ว เพราะหากลองส่องดูเบื้องหลังของสมาชิกวงอย่าง ทอม แฮฟล็อก (Tom Havelock), ลีเวลีน แอป เมิร์ดดิน (Llywelyn ap Myrddin), แดน แรดคลิฟฟ์ (Dan Radclyffe) และ กีลโยม แจมเบล (Guillaume Jambel) นั้น ถึงแม้จะถูกเรียกว่าเป็นศิลปินหน้าใหม่ แต่ประสบการณ์ทางดนตรีไม่ได้เรียกว่ามือใหม่เลยสักนิด เพราะพวกเขาเคยเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินฮิปฮอป เป็นดีเจแนวเฮาส์ และอยู่เบื้องหลังการแต่งเพลงให้กับศิลปินมากมาย อาทิ Foxes, Kwabs หรือแม้กระทั่ง Drake

     หนึ่งในบทเพลงที่ได้รับการพูดถึง แฟนเพลงต่างรอคอยที่จะดูพวกเขาเล่นสด และเปล่งเสียงร้องออกมาพร้อมกันทุกครั้งในงานคอนเสิร์ตคือ Who’s Got You Singing Again จากอีพีอัลบั้ม Futures กับจังหวะแบบชิลเอาต์โยกตามได้สนุกๆ ในบรรยากาศของซาวนด์ดนตรีที่แสนอบอุ่น (หากไม่นับความหมายของเนื้อเพลงที่แอบตัดพ้อ) ที่น่าจะเป็นหนึ่งในแทร็กที่เหมาะกับการนั่งฟังชิลๆ ในฤดูที่ฝนโปรยปรายเช่นนี้

     Who’s Got You Singing Again บอกเล่าถึงความสัมพันธ์ที่ต้องสะบั้นขาดลง โดยที่อีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้เตรียมใจ ทิ้งไว้เพียงแค่ความเงียบงัน และการเดาสาเหตุของฝ่ายที่ถูกบอกเลิกว่าแท้จริงแล้วเพราะอะไร สิ่งที่เห็นมีเพียงคนที่เคยเคียงข้างเรานั้นไปมีความสุขและเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนแล้ว และทำได้เพียงตัดพ้อว่าใครกันหนอที่ทำให้อีกฝ่ายมีความสุขได้ถึงเพียงนั้น

     “เพลงนี้เกี่ยวกับความคิดที่ว่าคุณยังคงมีใครสักคนเคียงข้างอยู่ จนกระทั่งคุณได้เห็นว่าเขาคนนั้นไปกับคนอื่นแล้ว ทุกอย่างชัดแจ้ง และคุณก็เริ่มระลึกได้เสียทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ทอม แฮฟล็อก นักร้องนำ กล่าวกับนิตยสาร NYLON

     ในขณะที่การบอกเลิกตรงๆ อาจทำให้ได้รับรู้ถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในเส้นทางของความสัมพันธ์ได้ อาจจะทำใจยากอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยเหตุผลที่ได้รับมาก็ทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดและทำให้ฝ่ายที่ถูกบอกเลิกได้ใคร่ครวญถึงบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ความเงียบนั้นเป็นเหมือนสิ่งมืดบอด ไร้สาเหตุ มีแต่การคาดเดาไร้ทิศ และยิ่งทำให้ฝ่ายที่ถูกตัดความสัมพันธ์รู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่าขึ้นไปอีก

     สำหรับบางคน ความเงียบอาจเป็นคำตอบของการคลี่คลายสถานการณ์ แต่สำหรับบางคน ความเงียบคือมีดที่กรีดแทงใจได้เจ็บปวดที่สุดกว่าคำพูดแรงๆ เสียอีก

It happens so easy at the start

Got too used to being understood

Then one day I caught you looking down

Couldn’t reach you like I thought I could

I never knew why you gave it all up

“มันช่างเกิดขึ้นแสนง่ายดายในทีแรก อาจเพราะเราต่างเคยชินกับการถูกเข้าใจ แต่แล้ววันหนึ่งฉันสัมผัสได้ว่าเธอมองฉันต่างไป ฉันไม่สามารถเข้าใจเธอได้เช่นเคย ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าทำไมเธอถึงทำให้ทุกอย่างพังลง”

     คงคล้ายกับคำเปรียบเปรยของจุดเริ่มต้นในความสัมพันธ์ที่เรามักเรียกกันว่าช่วงโปรโมชัน เพราะก่อนที่ความสัมพันธ์จะดำเนินไปจนถึงจุดที่ต่างฝ่ายเริ่มได้เรียนรู้ข้อบกพร่องของกันและกันอันอาจนำมาซึ่งปัญหาที่กลายเป็นเรื่องยุ่งยากนั้น ทุกอย่างช่างเริ่มต้นด้วยความรวดเร็วง่ายดาย ราวกับการตกหลุมรักใครสักคนเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

Is that it? Was there something I missed

In the silences

That we couldn’t seem to break through

Should’ve known needed more than this to hold onto you

“ใช่ไหม? มีอะไรที่ฉันพลาดไปหรือเปล่า ในความเงียบงันนั้น เรารู้กันว่าคงไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ ฉะนั้น ฉันควรได้รับรู้เรื่องทั้งหมดมากกว่านี้ เพื่อที่จะยังคงรั้งตัวเธอไว้”

     อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผันผ่าน ปัญหาย่อมเกิดขึ้น พื้นผิวของดวงจันทร์เองก็ไม่ได้เรียบเนียนสวยงามเหมือนดั่งเช่นที่เรามองเห็นด้วยตาเปล่าจากพื้นโลก เพราะหากขยับไปมองให้ใกล้และชัดขึ้น เราย่อมเห็นร่องรอยขรุขระเต็มไปหมด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าริ้วรอยคือความน่าเกลียด เพียงแต่นั่นคือความเป็นจริงที่ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์

     ปัญหาที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ย่อมเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับความรักที่บริสุทธิ์ในช่วงแรก ปัญหาทำให้คนสองคนอาจขาดการเชื่อมต่อที่ราบรื่นระหว่างกันและกัน โดยเฉพาะในบทเพลงนี้ที่ผู้เล่าเปรียบเปรยถึงความเงียบอันน่าอึดอัดที่มาจากอีกฝ่าย และเป็นเหมือนสัญญาณที่ทำให้เริ่มตระหนักว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ของพวกเขา

     ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งต้องการคำตอบและการพูดคุยเพื่อเป็นแสงสว่างในการประสานรอยร้าวที่อาจมีใครคนใดคนหนึ่งมองข้ามไปโดยไม่ตั้งใจ แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับเลือกใช้กำแพงของความเงียบงันเป็นคำตอบแทน

Just tell me truth, who’s got you singing again?

Who put the light back in your eye?

Who’s got you singing again?

That thing you had I wish it’d come back with the right line

As you threw down the blind

With just a manner of time

“บอกความจริงฉันมาเถิด ใครกันที่ทำให้คุณกลับมาร้องเพลงได้อีกครั้ง? ใครกันที่นำพาแสงสว่างกลับเข้ามาสู่ดวงตาของคุณ? สิ่งเหล่านั้นที่คุณเคยมี ฉันหวังว่ามันจะกลับมาอยู่ในเส้นที่ถูกที่ควรอีกครั้ง โปรดเผยความลับนั้นออกมาในเวลาที่เหมาะสม”

     หากว่ากันในแง่มุมมองของเชิงจิตวิทยา การที่ใครสักคนร้องเพลงออกมานั่นหมายถึงพวกเขารู้สึกมีความสุขและไร้ซึ่งความกังวลใดๆ การที่เนื้อเพลงบรรยายเป็นคำถามเปรียบเปรยทำนองว่า ‘ใครกันนะ ที่ทำให้คนรักของเขาได้พบกับความรักและความสมหวังที่เติมเต็มหัวใจอีกครั้ง จนสามารถเปล่งเสียงร้องออกมาเป็นทำนองเพลงได้’ อาจหมายถึงการตัดพ้อว่า ในที่สุดความจริงก็ปรากฏ ความเงียบอันลึกล้ำที่เขาได้รับมาตลอดนั้นเป็นคำตอบว่าอีกฝ่ายกำลังก่อร่างความสัมพันธ์ใหม่กับคนอื่นไปเรียบร้อยแล้ว

     สิ่งเหล่านี้ปรากฏในความสัมพันธ์ของผู้คนหลายต่อหลายครั้ง ก่อนที่ความเจ็บปวดทั้งหลายนั้นจะเริ่มตั้งคำถามกับฝั่งที่ถูกทิ้งไว้กับความเงียบไร้คำตอบว่า ‘จะปล่อยเขาไปหรือจะรั้งไว้เพื่อหาคำตอบที่แท้จริงและแก้ไข้เสียใหม่’ แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์อาจไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว

I know that you’ve been a little restless

You’re not the type to let it lie

While I’m here counting what I still got left

Was in daze when you gave it all up

“ฉันรู้นะว่าเธอกำลังกระวนกระวายใจเล็กๆ เธอไม่ใช่คนประเภทที่ชอบโกหก ในขณะที่ฉันยังอยู่ตรงนี้ นับดูสิ่งที่หลงเหลือ และยังสงสัยเมื่อวันที่เธอทิ้งทุกอย่างไป”

     ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังมีความสุขกับรักครั้งใหม่ อีกฝ่ายอาจจะยังจมอยู่กับคำถามมากมายว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปได้อย่างไร คนคนเดิมที่เคยรู้จักหายไปไหน และยังคงหมกมุ่นอยู่กับความทรงจำเดิมจนไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้หากยังไร้ซึ่งคำตอบที่ชัดเจน

     ว่ากันตามสิ่งที่เรารู้สึก ถึงแม้ดนตรีของ Who’s Got You Singing Again จะฟังดูล่องลอย แสนชิล ชวนให้มีรอยยิ้ม แต่เนื้อเพลงกลับสะท้อนภาพของคนที่ไม่เคยรู้ตัวว่าคนรักได้จากไปเรียบร้อยแล้ว (หรือกำลังจะจากไปในไม่ช้า) ราวกับสิ่งที่เคยทำมาไม่มีคุณค่า แต่ยังคงพยายามมองโลกในแง่ดีและมีความหวังว่าสักวันอาจจะยังค้นพบคำตอบและแก้ไขได้ ทั้งที่อาจเป็นเพียงความเพ้อฝันงี่เง่าและการปลอบใจตัวเองเพียงเท่านั้น
ใช่แล้ว มันเหมือนเพลงของเหล่าลูเซอร์

     ไม่แปลกใจเลยที่เวลาไปงานคอนเสิร์ตของ PREP ในคราวที่พวกเขามาเยือนประเทศไทย เมื่อเพลงนี้เริ่มบรรเลงขึ้นมา เราจะเห็นผู้คนต่างส่งเสียงพร้อมชูแก้วเบียร์ที่ถือในมือขึ้นมาชนกันและร่วมกันเปล่งเสียงร้องเพลงนี้ไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า 

     รอยยิ้มที่เบื้องหลังเปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตา


Recommended Tracks

01 Track: Cheapest Flight Album: Futures Release: 2015

02 Track: Don’t Bring Me Down Album: Cold Fire Release: 2018

03 Track: Line by Line Album: EP Line by Line Release: 2018